S&P 500: ทำไม "ไม่มีวันเป็น 0"

🚫 สัญลักษณ์ความยั่งยืนของระบบทุนนิยมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

1. ฐานและสูตรการคำนวณ (Mathematical Base)

**ค่าเริ่มต้นที่เป็นบวก:** ดัชนีเริ่มต้นด้วย **ค่าฐาน (Base Value)** ที่เป็นค่าบวกเสมอมาตั้งแต่ปี 1957

**มูลค่าตลาดรวม:** ดัชนีคำนวณจาก **ผลรวม** ของมูลค่าตลาดของบริษัท 500 แห่ง ซึ่งเป็น **ค่าบวก** ตราบใดที่บริษัทยังดำเนินการอยู่

**แก่นแท้ของสูตร S&P 500:**

$$\mathbf{\text{S&P 500 Index} = \frac{\text{Current Market Value}}{\text{Divisor}}}$$

โดยที่ $\text{Current Market Value}$ คือ **มูลค่าตลาดรวม** ของ 500 บริษัท

การที่ดัชนีจะเป็น 0 ได้
หมายความว่า **Current Market Value** ต้องเป็น 0 เท่านั้น!

⬇️

2. กลไกการคัดกรองและการปรับปรุง (Self-Correction)

ดัชนีนี้มีคณะกรรมการที่คอยคัดเลือกและปรับปรุงองค์ประกอบอยู่เสมอ:

  • **ถอดหุ้นที่แย่:** หากบริษัทใดมีผลงานตกต่ำหรือเข้าใกล้การล้มละลาย จะถูก **ถอดออกทันที**
  • **แทนที่ด้วยหุ้นที่แข็งแกร่ง:** นำบริษัทขนาดใหญ่และเติบโตดีกว่าเข้ามา **แทนที่** เพื่อรักษามาตรฐานและมูลค่าตลาดรวม

**ผลลัพธ์:** ทำให้ดัชนี S&P 500 คงเหลือไว้แต่ **บริษัทชั้นนำ** ที่มีความสามารถในการฟื้นตัวสูงเท่านั้น

⬇️

3. หากเป็น 0, จะเกิดอะไรขึ้น? (Economic Impossibility)

🚨 การที่ S&P 500 จะมีค่าเป็น 0 ต้องหมายถึง...

  • บริษัทใหญ่ที่สุดในโลก (Apple, Microsoft, Amazon) **ล้มละลาย**
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน **ยุติการทำงาน**
  • ระบบทุนนิยมโลก **ล่มสลาย** อย่างสมบูรณ์และไม่มีมูลค่าเหลือ

ตราบใดที่สหรัฐอเมริกายังคงมีรัฐบาลและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดัชนีนี้จะยังคงมีค่าเป็นบวก เพราะมันคือตัวแทนของความมั่งคั่งของประเทศ